Categories
ข้อมูลเตรียมสอบงานราชการ

สรุปสาระสำคัญรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550

สรุปตัวนี้..”ต้องปรับปรุงแก้ไข” เนื่องจากปัจจุบันรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่ 2 พ.ศ. 2554 แต่สรุปเหมือนว่าจะยังอัพเดตไม่ถึงตัวแก้ไขเพิ่มเติมทั้งฉบับ 1 และ 2 ไว้มีเวลาจะกลับมาปรับปรุงข้อมูลอีกที

 องคมนตรี

  • ที่มา:
    • พระมหากษัตริย์แต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัย
    • ประธานรัฐสภาเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรี
    • ประธานองคมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งองคมนตรี
  • จำนวน:
    •  ประธานองคมนตรี 1 คน และองคมนตรีอื่นอีกไม่เกิน 18 คน
  • หน้าที่:
    • ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา

 วุฒิสภา

  • ที่มา:
    • การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
    • การสรรหาสมาชิกวุฒิสภา
  • จำนวน: 150 คน
    • จำนวน 76 คน มาจากการเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด ๆ ละ 1 คน
    • จำนวน 74 คน มาจากการสรรหาของคณะกรรมการสรรหาวุฒิสภา
  • วาระ:  6 ปี และจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินหนึ่งวาระไม่ได้
    • ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อสิ้นสุดวาระต้องมีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน
    • ส.ว. ที่มาจากการสรรหาเมื่อสิ้นสุดวาระต้องมีการสรรหาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน
  • หน้าที่:
    • พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านมาจากสภาผู้แทนราษฎร
    • ให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ
    • ควบคุมฝ่ายบริหารด้วยการตั้งกระทู้ และขอเปิดอภิปรายทั่วไป (ส.ว. 1/3)
    • ให้ความเห็นชอบในการถอดถอนบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
  • คุณสมบัติ:
    • สัญชาติไทยโดยการเกิด
    • อายุไม่ต่ำกว่า 40 ปีบริบูรณ์
    • สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
    • ไม่เป็นบุพการี คู่สมรส หรือบุตรของ ส.ส. หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
    • ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองยังไม่เกิน 5 ปี
    • ไม่เป็น ส.ส. หรือเคยเป็นส.ส. และพ้นจากการเป็น ส.ส.มาแล้วยังไม่เกิน 5 ปี
    • ไม่เป็น ร.ม.ต. หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพ้นจากการดำรงตำแหน่งยังไม่เกิน 5 ปี
    • ส.ว.ที่มีสมาชิกภาพสิ้นสุดมาแล้วไม่เกิน 2 ปีจะเป็น ร.ม.ต. หรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้

 สภาผู้แทนราษฎร

  • ที่มา: มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
  • จำนวน: 480 คน
    • จำนวน 400 คนมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ๆ ละ 3 คน
    • จำนวน 80 คน มาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน โดยแบ่งเขตพื้นที่ประเทศออกเป็น 8 กลุ่มกลุ่มละ 10 คน
  • วาระ: 4 ปี
    • ถ้าครบวาระให้จัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน
    • ถ้ายุบสภาให้มีการจัดการเลือกตั้งภายใน 45 – 60 วัน
    • ห้ามควบรวมพรรคการเมืองในระหว่างอายุของสภาผู้แทนราษฎร
  • หน้าที่:
    • แต่งตั้งและควบคุมฝ่ายบริหาร
    • ออกกฎหมาย (พระราชบัญญัติ)
  • คุณสมบัติ:
    • มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
    • อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง
    • เป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วัน
    • มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน หรือเคยเกิด หรือเคยศึกษา (ไม่น้อยกว่า 5 ปี) หรือเคยรับราชการ และมีชื่อในทะเบียนบ้าน (ไม่น้อยกว่า 5 ปี) ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง
    • ไม่เป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมีการสิ้นสุดสมาชิกภาพมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
    • ไม่เป็นผู้บริหาร หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น
    • ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ
    • ไม่เป็นคณะกรรมการในองค์กรอิสระ และองค์กรอื่นในรัฐธรรมนูญ
    • ไม่เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ฯลฯ

 การร่างพระราชบัญญัติ

  • ผู้เสนอ
    • คณะรัฐมนตรี
    • ส.ส. จำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน
    • ศาลหรือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ (เฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับองค์กรฯ)
    • ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 10,000 คน (เกี่ยวกับสิทธิ และเสรีภาพของชนชาวไทย กับหน้าที่ของชนชาวไทย)
  • ผู้พิจารณา
    • สภาผู้แทนราษฎร
    • วุฒิสภา
  • ผู้ตรา
    • พระมหากษัตริย์
      • ถ้าเห็นชอบพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย
      • ถ้าไม่เห็นชอบ ทรงพระราชทานคืนมายังรัฐสภา
  • มีผลบังคับใช้
    • ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

 คุณสมบัติของบุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้ง

  • มีสัญชาติไทย ถ้าแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยไม่น้อยกว่า 5 ปี
  • อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง
  • มีรายชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง

 คุณสมบัติของบุคคลที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง

  • เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
  • อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
  • อยู่ในระหว่างต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
  • วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

 คณะรัฐมนตรี

  •  ที่มา:
    • พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง
    • ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการฯ
  • จำนวน:
    • นายกรัฐมนตรี 1 คน
    • รัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกิน 35 คน
  • วาระ: 4 ปี
  • หน้าที่: บริหารราชการแผ่นดินตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
    • ด้านความมั่นคง
    • ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน (ส่วนกลาง , ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น)
    • ด้านศาสนา สังคม สาธารณสุข การศึกษา และวัฒนธรรม
    • ด้านกฎหมาย และการยุติธรรม
    • ด้านการต่างประเทศ
    • ด้านเศรษฐกิจ
    • ด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
    • ด้านวิทยาศาสตร์ ทรัพย์สินทางปัญญาและพลังงาน
    • ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน
  • คุณสมบัติ:
    • มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
    • มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์
    • สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี หรือเทียบเท่า ( 4-8 ตามคุณสมบัติของ ส.ว. ข้อ 5 – 9 ของ ส.ส. ฯ)

 การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน

  • การตั้งกระทู้
    • ส.ส. หรือ ส.ว.ทุกคนมีสิทธิตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีในเรื่องที่เกี่ยวกับการงานในหน้าที่
  • การเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
    • ส.ส. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติ อภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และต้องเสนอชื่อ ผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย
    • ส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 6 มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
    • ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 มีสิทธิเข้าชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ
  • การถอดถอนออกจากตำแหน่ง
    • ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอน ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีฯลฯ ผู้ใดที่ร่ำรวยผิดปกติ ใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ออกจากตำแหน่งต่อประธานรัฐสภา

 ศาลรัฐธรรมนูญ

  • องค์กร
    • ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
  • ที่มา
    • พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภาจากบุคคลดังต่อไปนี้
      • ผู้พิพากษาศาลฎีกา จำนวน 3 คน
      • ตุลาการศาลปกครองสูงสุดจำนวน 2 คน
      • ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ จำนวน 2 คน
      • ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ จำนวน 2 คน
    • ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานศาลฎีการัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
  • จำนวน
    • ประธานศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 1 คน และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 8 คน
  • วาระ
    • 9 ปี และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว
  • คุณสมบัติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
    • มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
    • มีอายุไม่ต่ำกว่า 45 ปี
    • ไม่เป็น ส.ส. , ส.ว. , ข้าราชการเมือง , สมาชิกสภาท้องถิ่น , ผู้บริหารท้องถิ่น
    • ไม่เป็น หรือเคยเป็นสมาชิก หรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่น ของพรรคการเมืองในระยะ 3 ปีก่อนดำรงตำหน่ง
  • หน้าที่
    • พิจารณาและวินิจฉัยว่ากฎหมายใดขัดแย้งรัฐธรรมนูญ
    • พิจารณาและวินิจฉัยความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างรัฐสภา คณะรัฐมนตรีหรือองค์กร ตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาล

 ศาลยุติธรรม

  Youtube: iqepin LINE it! เพิ่มเพื่อน  

  • องค์กร
    • คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม
  • ที่มา
    • พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งและการให้พ้นตำแหน่งของผู้พิพากษาศาลยุติธรรม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม
  • คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมประกอบด้วย
    • ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน
    • กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละชั้นศาล ได้แก่ ศาลฎีกา 6 คน ศาลอุทธรณ์ 4 คน ศาลชั้นต้น 2 คน
    • กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 8 คนและได้รับเลือกจากรัฐสภา
  • ระดับของศาล – มี 3 ระดับ คือ
    • ศาลชั้นต้น
    • ศาลอุทธรณ์
    • ศาลฎีกา
  • หน้าที่
    • พิจารณาคดีต่าง ๆ ตามระดับชั้นของศาล
    • ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.
    • ศาลอุทธรณ์ มีอำนาจพิจารณา และวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น
    • ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีหน้าที่พิจารณา

 ศาลปกครอง

  • องค์กร
    • คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง
  • ที่มา
    • คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองและรัฐสภาเห็นชอบแล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์เพื่อทรงแต่งตั้ง
  • จำนวน
    • ประธานศาลปกครองสูงสุด จำนวน 1 คน และตุลาการศาลปกครอง 12 คน
  • หน้าที่
    • พิจารณาพิพากษาคดีพิพาทระหว่างหน่วยราชการ หน่วยงานราชการของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองท้องถิ่นหรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกับเอกชน
  • ระดับของศาล
  • มี 2 ระดับ
    •  ศาลปกครองชั้นต้น
    •  ศาลปกครองสูงสุด

 ศาลทหาร

  • หน้าที่ – พิจารณาพิพากษาคดีอาญาทหาร

องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 

มี 4 องค์กร คือ

  • คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.)
  • ผู้ตรวจการแผ่นดิน (ค.ต.ง.)
  • คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
  • คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

 คณะกรรมการการเลือกตั้ง

  • ที่มา
    • พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา
      • ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง
      • ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง
    • คณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง มีจำนวน 7 คน ได้แก่
      • ประธานศาลฎีกา
      • ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
      • ประธานศาลปกครองสูงสุด
      • ประธานสภาผู้แทนราษฎร
      • ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
      • บุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคัดเลือก 1 คน และ
      • บุคคลที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดคัดเลือก 1 คน
      • มีหน้าที่คัดเลือกกรรมการการเลือกตั้งจำนวน 3 คน เสนอต่อประธานวุฒิสภา
    • ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีการพิจารณาสรรหากรรมการการเลือกตั้ง จำนวน 2 คน เสนอต่อประธานวุฒิสภา
    •  วุฒิสภาให้ความเห็นชอบและประธานวุฒิสภานำความกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์เพื่อทรงแต่งตั้ง
  •  จำนวน
    • ประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง จำนวน 1 คน และ
    • กรรมการการเลือกตั้ง จำนวน 4 คน
  • หน้าที่
    • จัดการเลือกตั้งและเพิกถอนการเลือกตั้ง ส.ส. , ส.ว. , องค์กรปกครองท้องถิ่น รวมทั้งการลงประชามติ
    • ควบคุมการดำเนินการเกี่ยวกับพรรคการเมือง

 ผู้ตรวจการแผ่นดิน

  • ที่มา
    • พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา
      • ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง
    • คณะกรรมการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน มีจำนวน 7 คน (เหมือนกับคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการเลือกตั้ง) ทำหน้าที่สรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน 3 คนเสนอต่อประธานวุฒิสภา
    •  วุฒิสภาให้ความเห็นชอบ และประธานวุฒิสภานำความกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์เพื่อทรงแต่งตั้ง
  • จำนวน
    • ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน 1 คน และกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน 2 คน
  • วาระ
    • 6 ปี และให้ดำรงตำแหน่งเพียงวาระเดียว
  • หน้าที่
    • พิจารณาและสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียน การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือละเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายของข้าราชการ พนักงาน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วนท้องถิ่น
    • ดำเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
    • ติดตามประเมินผลและจัดทำข้อเสนอแนะในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ

 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ

  • ที่มา
    • พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของรัฐสภา
      • ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการฯ
    • คณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ มีจำนวน 5 คน ประกอบด้วย
      • ประธานฎีกา
      • ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
      • ประธานศาลปกครองสูงสุด
      • ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ
      • ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่สรรหา
    • คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ จำนวน 9 คน เสนอต่อประธานวุฒิสภา
    • วุฒิสภาให้ความเห็นชอบและประธานวุฒิสภานำความกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์เพื่อทรงแต่งตั้ง
  • จำนวน
    • ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ จำนวน 1 คนและ
    • คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ จำนวน 8 คน
  • วาระ
    • 9 ปี และดำรงตำแหน่งได้เพียง 1 วาระ
  • หน้าที่
    • ไต่สวนและวินิจฉัยเจ้าหน้าที่ของรัฐตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูง หรือข้าราชการตั้งแต่ผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่าขึ้นไป ร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
    • ไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนการดำเนินคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
    • ตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริง รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายกรัฐมนตรี , รัฐมนตรี, ส.ส. , ส.ว. , ข้าราชการการเมือง, ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น
    • กำกับดูแลคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

  • ที่มา:
    • พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามความเห็นชอบของวุฒิสภา
    • ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการฯ
  • จำนวน:
    • ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 1 คน และ
    • กรรมการตรวจเงินแผ่นดินอีก 6 คน
  • วาระ:
    • 6 ปี และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว
  • หน้าที่:
    • กำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานเกี่ยวกับการตรวจเงินแผ่นดิน
    • ให้คำแนะนำและเสนอแนะแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับการตรวจเงินแผ่นดิน
    • แต่งตั้งคณะกรรมการวินัยทางการเงินและการคลัง เพื่อวินิจฉัยคดีทางวินัยทางการเงินและการคลัง
  • คุณสมบัติ:
    • มีความชำนาญและประสบการณ์ด้านการตรวจเงินแผ่นดิน การบัญชี การคลังและอื่น ๆ
    • มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

 องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ

  • องค์กรอัยการ – มีอิสระในการพิจารณาสั่งคดี และการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปโดยเที่ยงธรรม
  • คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  – ตรวจสอบและรายงานการกระทำ หรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  • สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ – ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องการตรวจสอบทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ต่อไปนี้ มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ ทุกครั้งที่รับตำแหน่ง หรือ พ้นตำแหน่ง

  • นายกรัฐมนตรี
  • รัฐมนตรี
  • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
  • สมาชิกวุฒิสภา
  • ข้าราชการการเมืองอื่น
  • ผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น

Comments

comments