ครม.อนุมัติเพิ่มอัตรา ขรก.สธ.ตั้งใหม่

ครม.อนุมัติเพิ่มอัตรา ขรก.สธ.ตั้งใหม่

ลิงค์: https://ehenx.com/6874/ หรือ
เรื่อง:


ครม.อนุมัติเพิ่มอัตรา ขรก.สธ.ตั้งใหม่มาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นบุคลากร สธ.รองรับโควิด 19

วันที่ 15 เมษายน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ เสนอ ดังนี้ 

คปร. ในการประชุมครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 ได้พิจารณาเรื่อง การขอเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ และมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่น สำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข รองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 แล้ว มีมติดังนี้

1) การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่เพื่อบรรจุบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (พนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข หรือลูกจ้างชั่วคราว) ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จำนวน 24 สายงาน รวมทั้งสิ้น 38,105 อัตรา

1.1) เห็นชอบให้จัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ รวม 38,105 อัตรา เพื่อบรรจุบุคคลดังกล่าวเข้ารับราชการให้ตรงตามตำแหน่งงานที่จ้างอยู่เดิม อย่างไรก็ดี หากภายหลังบริบทของงานเปลี่ยนแปลงไป ให้กระทรวงสาธารณสุขเสนอ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข ปรับเปลี่ยนสายงานของอัตราข้าราชการตั้งใหม่ที่จะจัดสรรเป็นสายงานบริการทางการแพทย์อื่น ๆ ได้ตามความจำเป็น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินจำนวนกรอบอัตรากำลังตามที่ คปร. กำหนด และจะต้องสอดคล้องกับแผนปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข โดยให้บรรจุในกลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่มีวุฒิคัดเลือกก่อนกลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่จะต้องสอบแข่งขัน และถือว่าอัตราข้าราชการตั้งใหม่ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการบรรจุบุคลากรตามแผนปฏิรูปกำลังคนฯ ด้วย

1.2) เห็นชอบให้กำหนดเงื่อนไขว่าเมื่อบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งที่ได้รับจัดสรรแล้ว ให้ยุบเลิกตำแหน่งพนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข หรือลูกจ้างชั่วคราวตามจำนวนที่ได้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการและให้กระทรวงสาธารณสุขปรับรูปแบบการจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุขโดยเน้นเฉพาะการจ้างงานสนับสนุนทั่วไปเท่านั้น และให้กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับการเปลี่ยนสายงาน การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ตลอดจนการยุบเลิกตำแหน่งที่จ้างงานด้วยรูปแบบอื่นให้ คปร. ทราบด้วย

1.3) เห็นชอบให้ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข แบ่งการกำหนดตำแหน่งอัตราข้าราชการ ตั้งใหม่เป็น 3 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 ให้กำหนดตำแหน่งเพื่อรองรับการบรรจุกลุ่มบุคลากรที่ให้บริการในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยตรง รวม 25,051 อัตรา ภายในเดือนพฤษภาคม 2563

ระยะที่ 2 ให้กำหนดตำแหน่งเพื่อรองรับการบรรจุกลุ่มบุคลากรที่สนับสนุนการให้บริการในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวม 5,616 อัตรา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 เป็นต้นไป

ระยะที่ 3 ให้กำหนดตำแหน่งเพื่อรองรับการบรรจุกลุ่มบุคลากรที่ให้บริการหรือสนับสนุนการให้บริการในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ รวม 7,438 อัตรา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ

โอนเงินงบประมาณเหลือจ่ายประจำปีและเงินนอกงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขมาตั้งจ่ายเป็นเงินเดือนและค่าตอบแทนของบุคลากรที่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการดังกล่าวตามจำนวนวงเงินงบประมาณงบบุคลากรที่จะใช้ เพื่อลดการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเงินงบกลาง ตามที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอต่อที่ประชุม

2) การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่เพื่อบรรจุนักศึกษาผู้สำเร็จการศึกษา

ในปี พ.ศ. 2563 จำนวน 5 สายงาน รวมทั้งสิ้น 7,579 อัตรา

2.1) ตำแหน่งนายแพทย์และทันตแพทย์

เห็นชอบให้จัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งนายแพทย์และทันตแพทย์ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข เพื่อรองรับการบรรจุนักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ ที่เป็นนักศึกษาคู่สัญญากับกระทรวงสาธารณสุขและสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2563 รวม 2,792 อัตรา โดยเป็นตำแหน่งนายแพทย์ จำนวน 2,157 อัตรา และตำแหน่งทันตแพทย์ จำนวน 635 อัตรา และให้นำจำนวนอัตราข้าราชการตำแหน่งนายแพทย์ที่ได้รับจัดสรรตามข้อ 1) มานับรวมเป็นส่วนหนึ่งของจำนวนตำแหน่งนายแพทย์ตามเป้าหมาย

ที่กำหนดในแผนปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่ง คปร. จะจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งนายแพทย์และตำแหน่งทันตแพทย์ให้เป็นปีสุดท้ายด้วย ทั้งนี้ หากกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องบรรจุนักศึกษาคู่สัญญาของนักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์เป็นข้าราชการต่อไป ให้กระทรวงสาธารณสุขทบทวนความต้องการอัตรากำลัง และแสดงความจำเป็นพร้อมกับแผนการใช้ประโยชน์ว่าจะใช้ตำแหน่งดังกล่าวในการปฏิบัติภารกิจตามแผนงานหรือยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องอย่างไร เพื่อให้ คปร. พิจารณาต่อไป

2.2) ตำแหน่งเภสัชกร

เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขบรรจุนักศึกษาวิชาเภสัชศาสตร์ที่เป็นนักศึกษาคู่สัญญาของกระทรวงสาธารณสุขเป็นพนักงานราชการแทนการบรรจุเป็นข้าราชการตามมติ อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข ในการประชุมครั้งที่ 9/2562 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 และให้นำจำนวนอัตราข้าราชการตำแหน่งเภสัชกรที่ได้รับจัดสรรตามข้อ 1) มานับรวมเป็นส่วนหนึ่งของจำนวนตำแหน่งเภสัชกรตามเป้าหมายที่กำหนดในแผนปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยยังไม่จัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตามที่ขอ

2.3) ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพและนักวิชาการสาธารณสุข

เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาทบทวนเหตุผลความจำเป็นของภารกิจ จัดทำแผนกำลังคนรองรับและแสดงความสอดคล้องกับแผนปฏิรูปกำลังคนฯ เพื่อให้อัตราข้าราชการที่จะขอตั้งใหม่มีความชัดเจนทั้งภารกิจและหน่วยงานที่จะปฏิบัติ รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ โดยจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับอัตรากำลังที่ได้รับจัดสรรและหากมีความจำเป็นให้จัดทำรายละเอียดเสนอ คปร. ในโอกาสต่อไป

3) การคัดเลือกบรรจุบุคคลซึ่งมิได้สำเร็จการศึกษาในวุฒิที่ ก.พ. กำหนดให้คัดเลือกบรรจุเข้ารับราชการตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 17 ลงวันที่ 19 กันยายน 2562

  Youtube: iqepin LINE it! เพิ่มเพื่อน  

เห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ. พิจารณาดำเนินการตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เพื่อคัดเลือกบรรจุบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นกรณีที่มีเหตุพิเศษเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งโดยไม่ต้องดำเนินการสอบแข่งขัน ทั้งนี้ ให้หารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ของผู้ที่จะบรรจุเข้ารับราชการ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.พ. และคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้เดิม ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/154 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2556 และ  ที่ นร 1012.2/235 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2560 แล้วแต่กรณี

4) การขอสนับสนุนเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข

เห็นชอบให้บุคลากรสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้รับเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนในอัตรา ดังนี้

กลุ่มที่ 1 ผู้ปฏิบัติงานโดยตรง ให้ได้รับในอัตราเดือนละ 1,500 บาท

กลุ่มที่ 2 ผู้ปฏิบัติงานสนับสนุน ให้ได้รับในอัตราเดือนละ 1,000 บาท

ประมาณการงบประมาณที่จะต้องใช้สำหรับการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน เป็นระยะเวลา 7 เดือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,746,397,500 บาท

สำหรับหลักเกณฑ์การได้รับเงินเพิ่มพิเศษสำหรับบุคลากรสาธารณสุข ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) จัดทำระเบียบหรือหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ โดยอาจกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้สอดคล้องกับกฎหมายหรือระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินอื่นที่กำหนดให้จ่ายเป็นรายเดือน
ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์ตามข้อนี้ไปใช้บังคับโดยอนุโลมกับข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการและพนักงานมหาวิทยาลัยในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น และบุคลากรภาครัฐอื่น ที่ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้

5) การจัดสรรโควตาพิเศษความดีความชอบพิเศษสำหรับบุคลากรสาธารณสุข

เห็นชอบให้บุคลากรสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้รับการเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ ดังนี้

5.1) ระบบการเลื่อนเงินเดือนแบบร้อยละ ให้ผู้ปฏิบัติงานทั้งกลุ่มผู้ปฏิบัติงานโดยตรงและกลุ่มผู้ปฏิบัติงานสนับสนุน ได้รับการเลื่อนเงินเดือนเพิ่มขึ้นจากการเลื่อนเงินเดือนปกติอีกร้อยละ 1 ของฐานในการคำนวณต่อรอบการประเมิน ทั้งนี้ เมื่อรวมการเลื่อนเงินเดือนกรณีปกติกับการเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 6 ของฐานในการคำนวณ

5.2) ระบบการเลื่อนเงินเดือนแบบขั้น ให้ผู้ปฏิบัติงานทั้งกลุ่มผู้ปฏิบัติงานโดยตรงและกลุ่มผู้ปฏิบัติงานสนับสนุนได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนทั้งกรณีปกติและกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ รวมทั้งปีไม่เกิน 2 ขั้น โดยไม่นับรวมอยู่ในโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนของผู้มีผลงานดีเด่น ร้อยละ 15 ของจำนวนผู้ปฏิบัติงานในรอบการประเมิน

ประมาณการงบประมาณที่จะต้องใช้สำหรับการเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,023,270,920 บาท

สำหรับหลักเกณฑ์การเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติให้สำนักงาน ก.พ. แจ้งแนวทางปฏิบัติเพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ โดยนำหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2552 และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาใช้โดยอนุโลม

ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์ตามข้อนี้ ไปใช้บังคับโดยอนุโลมกับข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการและพนักงานมหาวิทยาลัยในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น และบุคลากรภาครัฐอื่น ที่ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้

6) การเพิ่มอายุราชการเพิ่มทวีคูณในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินสำหรับบุคลากรสาธารณสุข

มีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังชี้แจงว่า กรณีการขอเพิ่มอายุราชการทวีคูณในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินสำหรับบุคลากรสาธารณสุขเนื่องจากการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณของข้าราชการเป็นไปตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 มาตรา 24 ซึ่งบัญญัติไว้โดยสรุปว่า ข้าราชการสามารถนับเวลาราชการเป็นทวีคูณได้ 2 กรณี ได้แก่ (1) ผู้ซึ่งกระทำหน้าที่ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ในระหว่างเวลาที่มีการรบหรือการสงครามหรือมีการปราบปรามจลาจล หรือในระหว่างเวลาที่มีพระบรมราชโองการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือในระหว่างเวลาที่สั่งให้เป็นนักดำเรือดำน้ำ และ (2) ในกรณีที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีอำนาจพิจารณาให้ข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตที่ได้มีการประกาศกฎอัยการศึกนั้น ได้รับการนับเวลาราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างนั้นเป็นทวีคูณได้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ดังนั้น การนับเวลาราชการเป็นทวีคูณสำหรับบุคลากรสาธารณสุข จึงต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว

7) การลดดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคลกรุงไทยธนวัฏ/ธนาคารออมสิน ระยะเวลา 1 ปี สำหรับบุคลากรสาธารณสุข

มีมติรับทราบมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้กับข้าราชการและบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน อย่างไรก็ดี ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสินอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายมาตรการเดิม หรือกำหนดมาตรการอื่นเพิ่มเติม ซึ่งจะแจ้งให้กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงาน ก.พ. ทราบต่อไป

8) การปรับอัตราจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการสาธารณสุขตามข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการสาธารณสุขที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข พ.ศ. 2561 กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 จำนวน 2 เท่าจากอัตราเดิม
มีมติรับทราบตามความเห็นของกระทรวงการคลังว่า กรณีนี้เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ ผู้ให้บริการสาธารณสุขกรณีติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 ดังนั้น จึงเห็นสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะให้ความเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำรายละเอียดข้อมูลพร้อมกับการขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีแล้ว

แหล่งที่มา

Comments

comments

ข่าวงานราชการเปิดสอบ 2567-2569
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.