“กระทรวงแรงงาน“
ลิงค์: https://iqepi.com/38786/ หรือ
เรื่อง: ชงครม.เพิ่ม-ขยายสิทธิผู้ประกันตนม.40
—
กระทรวงแรงงาน เปิดรับสมัครสอบ
รมว.แรงงาน ชง ครม.พิจารณาเพิ่มและขยายสิทธิผู้ประกันตน ม.40
พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากที่รัฐธรรมนูญไทย 2560 ได้กำหนดให้รัฐมีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้ลูกจ้างเข้าถึงการประกันสังคม โดยจัดสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมการออมเพื่อการดำรงชีพเมื่อพ้นวัยทำงาน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในชีวิตของลูกจ้างผู้ประกันตน กระทรวงแรงงานจึงได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อปรับปรุงพัฒนาสิทธิประโยชน์ฯ ประกันสังคมตามมาตรา 40 ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 จำนวน 3 ฉบับ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในหลักการ ในวันที่ 25 เม.ย. 2560 โดยร่างกฎหมายดังกล่าวประกอบด้วย
1. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. …
2. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทน พ.ศ. …
3. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. …
สำหรับร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวมีสาระสำคัญโดยได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 การเพิ่มและขยายสิทธิประโยชน์รวมถึงเพิ่มทางเลือกใหม่ (ทางเลือกที่ 3) สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ให้ใกล้เคียงกับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ได้แก่ เพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย เพิ่มเป็นวันละ 300 บาท สำหรับกรณีนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเบิกได้ตั้งแต่วันแรกที่นอนโรงพยาบาล และกรณีไม่ได้นอนพักรักษาตัวแต่มีใบรับรองแพทย์ให้หยุดพักรักษาตัวตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป ได้วันละ 200 บาท กรณีมีใบรับรองแพทย์ ให้หยุดพักรักษาตัว 1-2 วัน ให้ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้วันละ 50 บาท แต่ไม่เกินคนละ 3 ครั้งต่อปี เพิ่ม เงินสงเคราะห์กรณีตาย 3,000 บาท เมื่อส่งสมทบมาแล้ว 60 เดือน นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มทางเลือกใหม่ (ทางเลือกที่ 3) โดยเพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย เมื่อนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป ในอัตราวันละ 300 บาท ไม่เกิน 90 วันต่อปี และไม่ได้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแต่แพทย์ให้หยุดพักรักษาตัวตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป ในอัตราวันละ 200 บาท ไม่เกิน 90 วันต่อปี กรณีตายค่าทำศพ 40,000 บาท ส่วนกรณีสงเคราะห์บุตร อัตราคนละ 200 บาทต่อเดือนคราวละ 2 คน กรณีชราภาพ เงินบำเหน็จชราภาพ หากส่งเงินสมทบครบ 180 เดือนจะได้รับเงินเพิ่มจำนวน 10,000 บาท ทั้งนี้ข้อดีของการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 คือ ไม่ต้องมีการตรวจสุขภาพ ยังสามารถใช้สิทธิการรักษาบัตรทองได้ หากขาดเงินสมทบยังเป็นสมาชิกต่อได้ และรัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบกับผู้ประกันตน
นอกจากนี้สำนักงานประกันสังคมได้เพิ่มประโยชน์การบริการทางการแพทย์ ในระหว่าง ปี 2558-2559 จำนวน 12 รายการ ดังนี้
1. ปรับเงื่อนไขคุณสมบัติสถานพยาบาลที่ผ่าตัด ใส่เครื่องกระตุกไฟฟ้าอัตโนมัติเพื่อเพิ่มจำนวนสถานพยาบาล
2. เพิ่มวงเงินสำหรับการผ่าตัดเตรียมเส้นเลือดเพื่อการฟอกไตหรือวางท่อรับ-ส่งน้ำยาล้างช่องท้อง (เพิ่ม 10,000 บาท จากเดิม 20,000 บาท ต่อ 2 ปี)
3. เพิ่มการเข้าถึงยากระตุ้นเม็ดเลือดแดงในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายโดยเพิ่มรายการยาจากเดิม 9 รายการ เป็น 11 รายการ
4. เพิ่มการเข้าถึงยาของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV/เอดส์ ในระยะแรกเพื่อให้ผู้ประกันตนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสามารถทำงานและใช้ชีวิตเช่นคนปกติ
5. เพิ่มการเข้าถึงยาละลายลิ่มเลือดในผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Stroke) และผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลับ (STEMI) โดยจ่ายค่ายาให้แก่สถานพยาบาล
6. การปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทันตกรรมกรณี อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน จากเดิม 600 บาท เป็น 900 บาทต่อคนต่อปี และให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษา ในสถานพยาบาลที่ทำความตกลงกับสำนักงานประกันสังคมโดยไม่ต้องสำรองเงินจ่าย
7. เพิ่มอัตราการผ่าตัดอวัยวะกระจกตา จากเดิม 25,000 บาท เป็น 50,000 บาท
8. ปรับปรุงรายการอุปกรณ์อวัยวะเทียม เพิ่มจาก 31 รายการ เป็น 95 รายการ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
9. เพิ่มสิทธิประโยชน์เงินทดแทนการขาดรายได้สำหรับผู้ประกันตนที่มีการสูญเสียอวัยวะตั้งแต่ร้อยละ 35 ขึ้นไป จากเดิมตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป
10. การตรวจสุขภาพฟรีในสถานพยาบาลตามบัตรฯ
11. เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดให้ครอบคลุมทั้ง กรณีใช้เนื้อเยื่อของตนเองเนื้อเยื่อของพี่น้อง และเนื้อเยื่อของผู้บริจาค จาก 750,000 บาท เป็น 1,300,000 บาท
12. กรณีคลอดบุตร เพิ่มสิทธิจากการเบิกได้ไม่เกิน 2 ครั้ง เป็นไม่จำกัดจำนวนครั้ง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงาน ยังคงมุ่งมั่น พัฒนาให้แรงงานนอกระบบ มีสวัสดิการที่ดีมีความมั่นคง และพร้อมสร้างคุณภาพการดำรงชีวิตให้ยั่งยืนต่อไป