ส่งฟ้องศาล! แจกของไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่เว้นระยะห่าง ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ส่งฟ้องศาล! แจกของไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่เว้นระยะห่าง ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ลิงค์: https://ehenx.com/6954/ หรือ
เรื่อง:


ส่งฟ้องศาล! แจกของไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่เว้นระยะห่าง ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

20 เม.ย.63 – ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงการดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คนแจกอาหารและเงินให้ประชาชน บริเวณถนนกรุงเกษม เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยไม่ได้จัดให้มีการเว้นระยะห่าง หรือควบคุมเพื่อป้องกันความเสี่ยงการแพร่โรคโควิด-19

 กรณีดังกล่าวเห็นว่าผู้ที่นำสิ่งของมาบริจาคนั้น เป็นความหวังดีที่อยากช่วยเหลือประชาชน แต่ก็ขอให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสำนักเขต,ฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน เพื่อจะได้เตรียมพื้นที่และจัดระเบียบให้ถูกสุขอนามัย เข้ากับการบริหารจัดการลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ เพราะไม่อย่างนั้นก็อาจไม่เข้าใจกันว่าต้องการมาทำอะไร  ที่ผ่านมาก็มีเหตุการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น เมื่อเป็นความผิดทางกฏหมายก็ต้องดำเนินคดี จึงเห็นว่าหากจะทำอะไรแบบนี้ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน ส่วนการดำเนินคดีนั้น ได้กำชับให้ตำรวจนครบาลพิจารณาให้สมควรแก่เหตุและให้เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน  คงไม่มีอะไรรุนแรงมาก พร้อมย้ำเตือนผู้ที่จะบริจาคขอให้ประสานเจ้าหน้าที่จะไม่เกิดปัญหา

รอง ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงการดำเนินคดีโพสต์ข่าวปลอมว่า  ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)ได้ร่วมกับกระทรวงดีอี ในการตรวจสอบตลอด โดยกระทรวงดีอี เป็นหน่วยหลัก ดูว่าอันไหนเป็นเฟคนิวส์ เพราะข่าวเท็จต้องมีต้นตอ เมื่อกระทรวงดีอีเห็นว่าข่าวไหนทำให้เกิดความตื่นตระหนกและเป็นความผิดตามกฏหมาย ก็จะส่งมาที่ ตร.เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย พร้อมฝากถึงประชาชนหากเห็นว่าข้อมูลไหนไม่ถูกต้องและอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในวงกว้าง จนเกิดความเสียหายก็ต้องระมัดระวังและพิจารณาก่อนว่าจริงหรือไม่ เพราะหากโพสต์หรือแชร์ไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ พร้อมระบุ เจ้าหน้าที่มีชุดปฏิบัติการติดตามอยู่แล้วหลายหน่วยงาน เนื่องจากความผิดบนโลกโชโชียลกระจายไปทั่วประเทศและทั่วโลก จะใช้หน่วยใดหน่วยหนึ่งไม่ได้ ของ ตร.เองก็มีศูนย์ฯ ในการติดตามและประสานงาน

  Youtube: iqepin LINE it! เพิ่มเพื่อน  

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าสำหรับผู้ฝ่าฝืนประกาศเคอร์ฟิวส์เมื่อคืนนี้ มีประมาณว่า 600 ราย ซึ่งจากตัวเลขลดลงเล็กน้อย เชื่อว่าประชาชนรับรู้และเข้าใจมากขึ้น ยืนยันการดำเนินคดีจะดูที่เจตนา เพระไม่ต้องการจับใครเพื่อให้เกิดความเดือดร้อน ส่วนกรณี กทม.ขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอล์ฮอล์จนถึง 30 เมษายนนั้น เห็นว่าเมื่อมีประกาศก็ต้องปฏิบัติตาม

ด้าน พ.ต.อ.จารุภัชร ทองโกมล ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้ที่แจกของไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า  ในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ได้มีการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง 1 ราย ในข้อหาข้อหาฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เรื่องห้ามการจัดกิจกรรมมั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการติดเชื้อแล้ว ขณะนี้ได้นำผู้ต้องหาส่งอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลไปแล้ว

“กรณีดังกล่าวมีวัตถุพยานชัดเจน เนื่องจากมีการนำยานพาหนะมาใช้ในการแจกของ แต่ไม่ได้มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือสำนักงานเขตป้อมปราบให้ทราบเรื่องแต่อย่างใด เพราะเมื่อแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบแล้ว ก็จะได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้าดูแลเพื่อไม่ให้เกิดเหตุความวุ่นวายในลักษณะดังกล่าว ซึ่งก็เข้าใจความหวังดีของผู้มาบริจาค แต่ต้องมีระเบียบวินัยและต้องใช้มาตรการรักษาระยะห่าง เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 เพิ่มเติม” พ.ต.อ.จารุภัชร กล่าว

พ.ต.อ.จารุภัชร กล่าวต่อไปว่า ในส่วนกรณีที่มีการทำร้ายร่างกายกันนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากภาพที่ปรากฏมีการทำร้ายร่างกายกันระหว่างรับสิ่งของบริจาคนั้น ว่าเป็นการหยอกล้อกันเล่นหรือทำร้ายร่างกายกันจริงหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ถ้าหากมีการแจ้งความดำเนินคดีกัน ทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

มีรายงานระบุว่า สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีนั้นเป็นหญิงสาว ที่ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทสื่อโฆษณาแต่ตกงาน จึงต้องการนำสิ่งของมาบริจาคให้ประชาชน จำนวน 100 ชุด มูลค่าประมาณ 20,000 บาท ประกอบด้วย มาม่า,ปลากระป๋อง ,นมกล่อง, ขนมเวเฟอ ,น้ำขวด,เจลแอลกอฮอล์ชนิดขวด,หน้ากากอนามัย 3 ชิ้น และเงินอีก 20 บาท แต่ก็ต้องมาถูกดำเนินคดี.

แหล่งที่มา

Comments

comments